เงินชดเชยการเดินทาง ธนชาต เท่าไหร่ เบิกเงินค่าขาดประโยชน์การใช้รถ

การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผู้ประสบเหตุที่เป็นฝ่ายถูกย่อมได้รับความเดือดร้อนจากการที่ต้องนำรถเข้าซ่อม และไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม ดังนั้น การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือเงินชดเชยการเดินทางจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี จึงเป็นสิทธิที่ผู้เสียหายพึงได้รับ

บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้เอาประกันภัยและผู้เสียหาย รวมถึงการจ่ายเงินชดเชยการเดินทางหรือค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ในกรณีที่ผู้เสียหายต้องนำรถเข้าซ่อมจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

สารบัญ

เงินชดเชยการเดินทาง ธนชาต จ่ายเท่าไหร่?

ธนชาตประกันภัยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยการเดินทาง หรือค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ดังนี้

ธนชาตประกันภัย
ธนชาตประกันภัย
  1. จำนวนวันที่จ่าย: โดยทั่วไปจะจ่ายตามจำนวนวันที่รถเข้าซ่อมจริง แต่ไม่เกิน 15 วัน
  2. อัตราการจ่ายต่อวัน: ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของรถยนต์ โดยมีอัตราดังนี้
    • รถเก๋ง: 500-1,000 บาทต่อวัน
    • รถกระบะ: 700-1,200 บาทต่อวัน
    • รถตู้: 1,000-1,500 บาทต่อวัน
    • รถบรรทุก: 1,500-2,500 บาทต่อวัน
  3. เงื่อนไขเพิ่มเติม:
    • กรณีรถยนต์เสียหายทั้งคัน (Total Loss) จะจ่ายค่าขาดประโยชน์สูงสุดไม่เกิน 30 วัน
    • กรณีรถจักรยานยนต์ จะจ่ายในอัตรา 200-300 บาทต่อวัน ไม่เกิน 7 วัน

อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินและระยะเวลาที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย โดยจะพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ระยะเวลาในการซ่อม และความจำเป็นในการใช้รถของผู้เสียหาย

ขั้นตอนการเบิกเงินค่าขาดประโยชน์การใช้รถ จากธนชาตประกันภัย

ธนชาตประกันภัย เคลมประกัน
ธนชาตประกันภัย เคลมประกัน
  1. แจ้งเหตุและเปิดเคลม เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ให้แจ้งเหตุทันทีที่สายด่วนธนชาตประกันภัย 1519 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและออกเอกสารรับรองความเสียหาย
  2. นำรถเข้าซ่อม นำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการ โดยแจ้งให้ทางอู่ทราบว่าจะเบิกค่าขาดประโยชน์ เพื่อให้ทางอู่ออกเอกสารรับรองระยะเวลาการซ่อมให้
  3. รวบรวมเอกสาร เตรียมเอกสารสำหรับการเบิกค่าขาดประโยชน์ ประกอบด้วย:
    • สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย
    • สำเนาทะเบียนรถยนต์
    • สำเนาใบขับขี่
    • เอกสารรับรองความเสียหายจากบริษัทประกันภัย
    • ใบรับรองระยะเวลาการซ่อมจากอู่หรือศูนย์บริการ
    • ใบเสร็จค่าเดินทางระหว่างซ่อมรถ (ถ้ามี)
    • สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินค่าสินไหม
  4. ยื่นเรื่องขอเบิก ส่งเอกสารทั้งหมดไปยังบริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยสามารถส่งได้ทางไปรษณีย์ หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาของธนชาตประกันภัย
  5. ติดตามผล หลังจากยื่นเรื่องแล้ว ให้ติดตามผลการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ธนชาตประกันภัย โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการในการพิจารณาและอนุมัติจ่ายเงิน
  6. รับเงินค่าสินไหม เมื่อได้รับการอนุมัติ ทางบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ท่านแจ้งไว้ โดยจะมี SMS แจ้งเตือนเมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว

ข้อควรระวังในการเบิกค่าขาดประโยชน์การใช้รถ

ธนชาตประกันภัย ค่าขาดประโยชน์การใช้รถ
ธนชาตประกันภัย ค่าขาดประโยชน์การใช้รถ
  1. ระยะเวลาในการยื่นเรื่อง: ควรยื่นเรื่องขอเบิกค่าขาดประโยชน์โดยเร็วที่สุด หลังจากรับรถคืนจากอู่ซ่อม เนื่องจากบางบริษัทประกันภัยอาจมีข้อจำกัดด้านเวลาในการรับเรื่อง
  2. ความซ้ำซ้อนของการเบิก: หากท่านได้รับค่าเช่ารถระหว่างซ่อมจากบริษัทประกันภัยแล้ว อาจไม่สามารถเบิกค่าขาดประโยชน์เพิ่มเติมได้ เนื่องจากถือว่าได้รับการชดเชยไปแล้ว
  3. ความสมเหตุสมผลของค่าใช้จ่าย: ในกรณีที่เบิกค่าเดินทางจริง ต้องแน่ใจว่าค่าใช้จ่ายมีความสมเหตุสมผลและมีหลักฐานประกอบครบถ้วน เช่น ใบเสร็จค่าแท็กซี่ หรือค่าเช่ารถ
  4. การตรวจสอบเอกสาร: ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารก่อนยื่นเรื่อง เพื่อป้องกันความล่าช้าในการพิจารณา
  5. การติดตามเรื่อง: หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด ควรติดต่อสอบถามความคืบหน้ากับทางบริษัทประกันภัย

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเบิกค่าขาดประโยชน์การใช้รถ

  1. เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน: นอกจากเอกสารหลักที่ต้องใช้ในการเบิก ควรเก็บหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย เช่น ภาพถ่ายความเสียหายของรถ บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ (ถ้ามี) เพื่อประกอบการพิจารณาหากมีข้อสงสัย
  2. ประเมินความเสียหายและระยะเวลาซ่อมอย่างสมเหตุสมผล: หากรู้สึกว่าทางอู่หรือศูนย์บริการประเมินระยะเวลาซ่อมนานเกินไป ควรสอบถามเหตุผลและขอคำอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าการเบิกค่าขาดประโยชน์มีความสมเหตุสมผล
  3. พิจารณาทางเลือกในการเดินทาง: ระหว่างที่รถเข้าซ่อม ควรเลือกวิธีการเดินทางที่ประหยัดและเหมาะสมที่สุด เช่น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือการเช่ารถในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยให้การเบิกค่าขาดประโยชน์มีโอกาสได้รับการอนุมัติมากขึ้น
  4. สื่อสารกับเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ: ควรติดต่อสอบถามความคืบหน้าของการเบิกค่าขาดประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ธนชาตประกันภัยเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องไม่ตกหล่นและได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
  5. เข้าใจสิทธิของตนเอง: ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจ เพื่อให้ทราบถึงสิทธิที่พึงได้รับและสามารถเรียกร้องได้อย่างถูกต้อง
  6. พิจารณาการใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญ: ในกรณีที่เป็นความเสียหายรุนแรงหรือมีมูลค่าสูง อาจพิจารณาใช้บริการของทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เพื่อช่วยในการเจรจาและดำเนินการเบิกค่าขาดประโยชน์
  7. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทประกันภัย: แม้จะเกิดความไม่พอใจในบางครั้ง แต่การรักษาท่าทีที่สุภาพและเป็นมืออาชีพจะช่วยให้การเจรจาและการเรียกร้องค่าสินไหมเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น

กรณีศึกษา: การเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัย

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เรามาดูกรณีศึกษาการเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัยกัน

การเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัย
การเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัย

กรณีที่ 1: รถเก๋งเสียหายเล็กน้อย

คุณ A ขับรถเก๋งไปทำงานและถูกรถคู่กรณีชนท้าย ทำให้กันชนหลังเสียหาย ต้องนำรถเข้าซ่อมเป็นเวลา 5 วัน

  • ระยะเวลาซ่อม: 5 วัน
  • อัตราชดเชย: 500 บาทต่อวัน
  • เงินชดเชยที่ได้รับ: 5 x 500 = 2,500 บาท

ในกรณีนี้ คุณ A ได้รับเงินชดเชยตามจำนวนวันที่ซ่อมจริง เนื่องจากอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่เกิน 15 วัน

กรณีที่ 2: รถกระบะเสียหายปานกลาง

คุณ B ใช้รถกระบะในการขนส่งสินค้า เกิดอุบัติเหตุทำให้ด้านข้างรถเสียหาย ต้องซ่อมนาน 12 วัน

  • ระยะเวลาซ่อม: 12 วัน
  • อัตราชดเชย: 1,000 บาทต่อวัน (เนื่องจากใช้ในเชิงพาณิชย์)
  • เงินชดเชยที่ได้รับ: 12 x 1,000 = 12,000 บาท

คุณ B ได้รับเงินชดเชยเต็มจำนวนตามวันที่ซ่อมจริง เนื่องจากไม่เกิน 15 วัน และมีหลักฐานการใช้รถเพื่อการพาณิชย์

กรณีที่ 3: รถตู้เสียหายหนัก

คุณ C มีรถตู้ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว เกิดอุบัติเหตุรุนแรงทำให้ต้องซ่อมนาน 25 วัน

  • ระยะเวลาซ่อม: 25 วัน
  • อัตราชดเชย: 1,500 บาทต่อวัน
  • เงินชดเชยที่ได้รับ: 15 x 1,500 = 22,500 บาท

แม้ว่ารถจะซ่อมนาน 25 วัน แต่ธนชาตประกันภัยจ่ายค่าชดเชยสูงสุดเพียง 15 วันตามเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม คุณ C อาจเจรจาขอเพิ่มวันชดเชยได้หากมีเหตุผลจำเป็น

ปัญหาที่อาจพบในการเบิกค่าขาดประโยชน์และวิธีแก้ไข

ปัญหาที่อาจพบในการเบิกค่าขาดประโยชน์
ปัญหาที่อาจพบในการเบิกค่าขาดประโยชน์
  1. การประเมินระยะเวลาซ่อมไม่ตรงกับความเป็นจริง
    • ปัญหา: อู่ซ่อมรถประเมินระยะเวลาซ่อมนานเกินจริง ทำให้บริษัทประกันไม่อนุมัติจ่ายเต็มจำนวน
    • วิธีแก้ไข: ขอให้อู่ชี้แจงรายละเอียดการซ่อมและเหตุผลที่ต้องใช้เวลานาน พร้อมทั้งเก็บหลักฐานภาพถ่ายความคืบหน้าการซ่อมเป็นระยะ
  2. เอกสารไม่ครบถ้วน
    • ปัญหา: บริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากเอกสารไม่ครบ
    • วิธีแก้ไข: ตรวจสอบรายการเอกสารที่ต้องใช้อย่างละเอียดก่อนยื่นเรื่อง และสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่าไม่มีเอกสารใดตกหล่น
  3. การเบิกซ้ำซ้อน
    • ปัญหา: ผู้เสียหายพยายามเบิกทั้งค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์
    • วิธีแก้ไข: เลือกเบิกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยพิจารณาว่าวิธีใดให้ผลประโยชน์มากกว่า
  4. การติดตามเรื่องล่าช้า
    • ปัญหา: ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัทประกันภายในระยะเวลาที่กำหนด
    • วิธีแก้ไข: ติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกวันเวลาและชื่อเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อทุกครั้ง
  5. การจ่ายเงินชดเชยต่ำกว่าที่คาดหวัง
    • ปัญหา: ได้รับเงินชดเชยน้อยกว่าที่คำนวณไว้
    • วิธีแก้ไข: สอบถามเหตุผลในการประเมิน และหากไม่เห็นด้วย ให้ยื่นอุทธรณ์พร้อมหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงถึงความจำเป็นในการใช้รถและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง

สิทธิประโยชน์อื่นๆ นอกเหนือจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถ

นอกจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถแล้ว ผู้เอาประกันภัยกับธนชาตประกันภัยยังอาจได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่:

  1. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง
    • บริการจัดส่งช่างซ่อมรถฉุกเฉิน
    • บริการรถลากจูงฉุกเฉิน
    • บริการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงฉุกเฉิน
  2. บริการรถใช้ระหว่างซ่อม ในบางกรณี ธนชาตประกันภัยอาจจัดรถยนต์ทดแทนให้ใช้ระหว่างที่รถของผู้เอาประกันเข้าซ่อม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์
  3. บริการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ในกรณีที่เกิดข้อพิพาททางกฎหมายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
  4. บริการแจ้งเตือนต่ออายุกรมธรรม์ เพื่อให้ความคุ้มครองต่อเนื่องไม่ขาดช่วง
  5. ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประวัติดี หากไม่มีการเคลมประกันในปีที่ผ่านมา

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการทำประกันภัยกับธนชาต

  1. ความครอบคลุมของกรมธรรม์ นอกจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถแล้ว ควรพิจารณาความคุ้มครองด้านอื่นๆ ด้วย เช่น วงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  2. ความสะดวกในการเคลม ธนชาตมีศูนย์บริการรับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง และมีเครือข่ายอู่ซ่อมรถที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
  3. ความมั่นคงทางการเงิน ธนชาตเป็นบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ตามที่ระบุในกรมธรรม์
  4. บริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับลูกค้า
  5. ความยืดหยุ่นของแผนประกัน ธนชาตมีแผนประกันหลากหลายให้เลือก สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคลได้

เทคนิคการเจรจาเพื่อให้ได้ค่าขาดประโยชน์สูงสุด

  1. เตรียมข้อมูลให้พร้อม รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายความเสียหาย ใบเสร็จค่าเดินทาง และเอกสารยืนยันความจำเป็นในการใช้รถ
  2. คำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ทำบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีรถใช้ รวมถึงค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ (ถ้ามี)
  3. ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ อธิบายสถานการณ์และความจำเป็นของคุณอย่างชัดเจนและสุภาพ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์หรือการข่มขู่
  4. เข้าใจนโยบายของบริษัทประกัน ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดในกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง
  5. พิจารณาการต่อรอง หากรู้สึกว่าค่าชดเชยที่ได้รับต่ำเกินไป สามารถเสนอตัวเลขที่คุณคิดว่าเหมาะสมพร้อมเหตุผลประกอบ
  6. ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมูลค่าสูง อาจพิจารณาใช้บริการของทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องค่าสินไหม
  7. อย่าด่วนตกลงข้อเสนอแรก บริษัทประกันอาจเสนอจำนวนเงินที่ต่ำกว่าที่ควรได้รับในครั้งแรก ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตอบตกลง

กรณีศึกษา: การเจรจาค่าขาดประโยชน์ที่ประสบความสำเร็จ

คุณ D เป็นเจ้าของธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ใช้รถกระบะในการส่งสินค้าให้ลูกค้า วันหนึ่งรถถูกชนท้ายอย่างรุนแรงต้องเข้าอู่ซ่อมนาน 20 วัน ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก

ขั้นตอนการเจรจา:

  1. คุณ D รวบรวมหลักฐานทั้งหมด รวมถึงสัญญาส่งของกับลูกค้าที่ต้องยกเลิกเนื่องจากไม่มีรถใช้งาน
  2. คำนวณค่าเสียหายทั้งหมด รวมค่าเช่ารถทดแทนและรายได้ที่สูญเสียไป
  3. ยื่นเรื่องเคลมกับธนชาตประกันภัย พร้อมเอกสารทั้งหมด
  4. เมื่อได้รับข้อเสนอค่าชดเชยเบื้องต้น 15 วัน คุณ D ขอเจรจาเพิ่ม โดยชี้แจงถึงผลกระทบต่อธุรกิจ
  5. หลังการเจรจา ธนชาตตกลงจ่ายค่าชดเชย 18 วัน และเพิ่มอัตราต่อวันเป็น 1,500 บาท เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นในการใช้รถเพื่อธุรกิจ

ผลลัพธ์: คุณ D ได้รับค่าชดเชยทั้งสิ้น 27,000 บาท (18 วัน x 1,500 บาท) ซึ่งมากกว่าข้อเสนอแรกถึง 12,000 บาท

ข้อควรระวังในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์

  1. อย่าแจ้งข้อมูลเท็จ การให้ข้อมูลเท็จหรือเกินจริงอาจนำไปสู่การถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม หรือแม้แต่การถูกดำเนินคดีได้
  2. ระวังการละเมิดเงื่อนไขกรมธรรม์ เช่น การนำรถไปซ่อมที่อู่นอกเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
  3. อย่าลืมแจ้งเหตุภายในระยะเวลาที่กำหนด การแจ้งเหตุล่าช้าอาจทำให้การเรียกร้องค่าสินไหมยุ่งยากขึ้น
  4. ระมัดระวังในการลงนามในเอกสาร อ่านเอกสารทุกฉบับอย่างละเอียดก่อนลงนาม โดยเฉพาะเอกสารยอมรับค่าสินไหมทดแทน
  5. อย่าด่วนตกลงกับคู่กรณีโดยไม่ปรึกษาบริษัทประกัน การตกลงกันเองอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันในภายหลัง

สรุป

การเบิกเงินค่าขาดประโยชน์การใช้รถจากธนชาตประกันภัยเป็นสิทธิที่ผู้เอาประกันหรือผู้เสียหายพึงได้รับ เมื่อต้องนำรถเข้าซ่อมจากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด โดยธนชาตมีอัตราการจ่ายที่แข่งขันได้ในตลาด คือ 500-2,500 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ เป็นระยะเวลาสูงสุด 15 วัน

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการเข้าใจสิทธิของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ การพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมูลค่าสูง

ท้ายที่สุด แม้ว่าการเกิดอุบัติเหตุจะเป็นเรื่องที่ไม่พึงประสงค์ แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จะช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินและความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้นได้ การเลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงและมีนโยบายที่เป็นธรรม เช่น ธนชาตประกันภัย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน