การทำประกันภัยเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกันภัยรถยนต์ที่ช่วยคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กรุงเทพประกันภัยเป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของไทยที่ให้บริการด้านประกันภัยมาอย่างยาวนาน การเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เอาประกันทุกคน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการเคลมประกันของกรุงเทพประกันภัย รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์และความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจริงบน Pantip
ประวัติและข้อมูลบริษัท
กรุงเทพประกันภัย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2490 โดยมีชื่อเดิมว่า “บริษัท กรุงเทพประกันภัย และประกันชีวิต จำกัด” ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ได้แยกธุรกิจประกันชีวิตออกไป และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด” จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2536 ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)” ในปัจจุบัน
ข้อมูลสำคัญของบริษัท:
- ที่อยู่: 25 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
- เบอร์โทรศัพท์: 1620 (สายด่วนแจ้งอุบัติเหตุ), 0 2285 8888
- เว็บไซต์: www.bangkokinsurance.com
- ทุนจดทะเบียน: 1,064.7 ล้านบาท (ข้อมูล ณ ปี 2566)
- จำนวนพนักงาน: มากกว่า 1,500 คน
- สาขาและสำนักงาน: มากกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ
กรุงเทพประกันภัยได้รับการยอมรับในด้านความมั่นคงทางการเงินและการบริการ โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับ A- (Stable) จาก Standard & Poor’s และได้รับรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่นจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หลายปีติดต่อกัน
ขั้นตอนการเคลมประกันโดยละเอียด
- แจ้งเหตุทันที
- โทรแจ้งที่หมายเลข 1620 หรือ 0 2285 8888 ตลอด 24 ชั่วโมง
- แจ้งรายละเอียดสำคัญ ได้แก่:
- ทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี
- หมายเลขกรมธรรม์
- หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ขับขี่
- สถานที่เกิดเหตุ หรือบริเวณที่เห็นได้ง่าย
- ลักษณะการเกิดเหตุโดยย่อ
- จดหมายเลขรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน
ตัวอย่าง: คุณสมชายขับรถชนท้ายรถคันหน้าบนถนนพระราม 4 เขาควรโทรแจ้ง 1620 ทันที พร้อมแจ้งว่า “ผมขับรถยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กข 1234 กรุงเทพมหานคร หมายเลขกรมธรรม์ 123456789 เกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถคันหน้าบนถนนพระราม 4 ขาเข้า ใกล้แยกสาทร ตอนนี้ผมอยู่ในที่เกิดเหตุครับ”
- รอเจ้าหน้าที่ ณ ที่เกิดเหตุ
- ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถ เว้นแต่:
- มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
- รู้แน่ชัดว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด และมีหลักฐานประกอบ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
- หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถ ให้แจ้งบริษัททราบทันที
ข้อควรระวัง: อย่าตกลงชดใช้ค่าเสียหายกับคู่กรณีเอง เพราะอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเคลมประกัน
- ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถ เว้นแต่:
- เตรียมเอกสาร เอกสารที่จำเป็นในการเคลมประกัน ได้แก่:
- ใบแจ้งความเสียหาย (ทางบริษัทจะออกให้)
- ใบเสนอราคาค่าซ่อม
- สำเนาบัตรประชาชนผู้เอาประกัน
- สำเนาทะเบียนรถ
- ใบเสร็จรับเงินค่าซ่อม (ถ้ามี)
- รูปถ่ายความเสียหาย (กรณีเคลมออนไลน์)
- สำเนาใบขับขี่ (กรณีมีคู่กรณี)
- บันทึกประจำวัน (กรณีมีการแจ้งความ)
- ส่งเอกสาร สามารถส่งเอกสารได้หลายช่องทาง:
- ส่งทางไปรษณีย์ไปที่: บมจ.กรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ (ชั้น 3) 25 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.10120
- ส่งทางโทรสาร: 0 2610 2120 , 0 2610 2121
- ติดต่อที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาใกล้บ้าน
- ส่งผ่านระบบออนไลน์ (กรณี Smart Claim)
- รอการพิจารณา
- บริษัทจะตรวจสอบเอกสารและประเมินความเสียหาย
- ระยะเวลาในการพิจารณาขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกรณี
- สามารถติดตามสถานะการเคลมได้ทางโทรศัพท์หรือเว็บไซต์ของบริษัท
- รับค่าสินไหมทดแทน เมื่อได้รับการอนุมัติ บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์:
- เงินสดไม่เกิน 10,000 บาท: จ่ายภายใน 20 นาที
- เช็คหรือโอนเข้าบัญชี: ภายใน 3 วันทำการ
- กรณีรถเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss): ภายใน 7 วันทำการ
- กรณีรถหาย: ภายใน 15 วันทำการ
บริการ Smart Claim
กรุงเทพประกันภัยได้พัฒนาบริการ Smart Claim เพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้งเคลมออนไลน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- เหมาะสำหรับกรณีเคลมแห้ง (ไม่มีคู่กรณี)
- สามารถแจ้งเคลมได้ผ่าน:
- เว็บไซต์ www.bangkokinsurance.com
- LINE Official Account: @BangkokInsurance
- ขั้นตอนการใช้งาน:
- เลือกช่องทางการแจ้งเคลม
- กรอกข้อมูลรายละเอียดความเสียหาย
- ถ่ายรูปความเสียหายและอัพโหลดผ่านระบบ
- รอการตรวจสอบและยืนยันจากเจ้าหน้าที่
- รับใบเคลมผ่านทางออนไลน์
- ข้อจำกัด:
- ความเสียหายต่อตัวรถไม่เกิน 6 รายการ
- ต้องแจ้งเหตุภายใน 15 วันก่อนกรมธรรม์สิ้นสุดความคุ้มครอง
ตัวอย่าง: คุณสมศรีพบรอยขีดข่วนบนประตูรถด้านข้าง เธอสามารถใช้บริการ Smart Claim โดยถ่ายรูปความเสียหายและแจ้งเคลมผ่าน LINE Official Account ของกรุงเทพประกันภัยได้ทันที โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ข้อดีของการเคลมกับกรุงเทพประกันภัย
- เครือข่ายอู่ซ่อมและศูนย์บริการที่กว้างขวาง
- มีอู่ในสัญญากว่า 300 แห่งทั่วประเทศ
- ครอบคลุมศูนย์ซ่อมมาตรฐานของทุกยีห้อรถยนต์
- ลูกค้าสามารถเลือกอู่ซ่อมที่สะดวกได้
- บริการ Smart Claim สำหรับความสะดวกรวดเร็ว
- แจ้งเคลมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการรอคอย
- เหมาะสำหรับความเสียหายเล็กน้อยที่ไม่มีคู่กรณี
- รับประกันคุณภาพงานซ่อมนานถึง 12 เดือน
- ครอบคลุมการซ่อมสีและตัวถัง
- สร้างความมั่นใจในคุณภาพการซ่อม
- หากพบปัญหา สามารถนำรถกลับมาซ่อมซ้ำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- บริการรถยนต์สำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม (บางกรณี)
- ช่วยให้ลูกค้าไม่เสียเวลาในการเดินทาง
- มีให้บริการในกรณีที่ต้องซ่อมนานเกิน 3 วัน
- ต้องระบุความคุ้มครองนี้ในกรมธรรม์
- การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที
- ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- ช่วยลดความกังวลและจัดการสถานการณ์ได้รวดเร็ว
- ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 24 ชั่วโมง
- ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือตลอดเวลา
- มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้บริการ
ข้อควรระวังและปัญหาที่พบ
- การติดต่อคอลเซ็นเตอร์อาจใช้เวลารอสายนาน
- โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือวันหยุด
- อาจต้องรอสายนานถึง 30 นาทีหรือมากกว่า
- แนะนำให้ใช้บริการ Smart Claim แทนถ้าเป็นไปได้
- ระบบแจ้งเคลมออนไลน์อาจมีปัญหาในบางครั้ง
- อาจเกิดข้อผิดพลาดในการอัพโหลดรูปภาพ
- บางครั้งระบบอาจทำงานช้าหรือไม่ตอบสนอง
- ควรเตรียมช่องทางสำรองในการแจ้งเคลม เช่น โทรศัพท์
- การเรียกเก็บค่า Excess ในบางกรณี
- เช่น รอยหินกระเด็น หรือความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี
- อาจมีค่า Excess ประมาณ 1,000 – 3,000 บาทต่อครั้ง
- ควรศึกษาเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้ละเอียด
- การเคลมอาจส่งผลให้เบี้ยประกันปีถัดไปสูงขึ้น
- โดยเฉพาะกรณีที่เป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี
- อัตราการเพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายและจำนวนครั้งที่เคลม
- ควรพิจารณาความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจเคลมในกรณีความเสียหายเล็กน้อย
- ข้อจำกัดในการเคลมซ้ำจุดเดิม
- หากเคยเคลมในจุดเดียวกันมาก่อน อาจถูกปฏิเสธการเคลมครั้งต่อไป
- บริษัทอาจสงสัยว่าเป็นการแจ้งเคลมที่ไม่สุจริต
- ควรระมัดระวังและดูแลรถให้ดีหลังจากซ่อมแล้ว
- การพิจารณาสินไหมอาจใช้เวลานานในบางกรณี
- โดยเฉพาะกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมีคู่กรณี
- อาจต้องรอการสอบสวนหรือรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม
- ควรติดตามสถานะการเคลมอย่างสม่ำเสมอ
ประสบการณ์จากผู้ใช้บน Pantip
การรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจริงบน Pantip ทำให้เห็นภาพรวมของการเคลมประกันกับกรุงเทพประกันภัยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
ความคิดเห็นเชิงบวก
- คุณ A เล่าว่า: “เจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุเร็วมาก ไม่ถึง 20 นาที ให้คำแนะนำดี และช่วยประสานงานกับตำรวจอย่างราบรื่น ประทับใจมากครับ”
- คุณ B แชร์ประสบการณ์: “ใช้บริการ Smart Claim ครั้งแรก แปลกใจมากที่สะดวกขนาดนี้ ถ่ายรูปส่งไป รอแป๊บเดียวก็ได้ใบเคลมมาแล้ว ไม่ต้องรอคิวโทรศัพท์เลย”
- คุณ C กล่าวว่า: “ซ่อมที่ศูนย์ในเครือ งานเรียบร้อยมาก รับประกันคุณภาพด้วย 12 เดือน ทำให้สบายใจไปอีกนาน”
- คุณ D เล่าถึงประสบการณ์: “ประทับใจมากที่มีบริการรถยนต์สำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ทำงานได้ตามปกติ”
- คุณ E แสดงความเห็น: “เคยเปรียบเทียบราคากับบริษัทอื่น กรุงเทพฯ แพงกว่านิดหน่อย แต่บริการคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะตอนเคลม ทำเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยาก”
ความคิดเห็นเชิงลบ
- คุณ F บ่นว่า: “โทรแจ้งเคลม 1620 รอสายนานมาก บางทีเกือบชั่วโมง น่าจะเพิ่มพนักงานรับสายช่วงเวลาเร่งด่วน”
- คุณ G เล่าประสบการณ์: “เคยเจอปัญหาระบบออนไลน์ขัดข้อง อัพโหลดรูปไม่ได้ ต้องโทรไปแจ้งแทน เสียเวลามาก”
- คุณ H แสดงความไม่พอใจ: “มีค่า Excess สำหรับรอยหินกระเด็น ทั้งที่เป็นประกันชั้น 1 รู้สึกว่าไม่คุ้มเลย”
- คุณ I เล่าว่า: “พอเคลมไป 2 ครั้งในปีเดียว ปีต่อไปเบี้ยประกันขึ้นเยอะมาก รู้สึกไม่คุ้มเลยกับการทำประกันชั้น 1”
- คุณ J บอกว่า: “ตอนซื้อประกันบอกว่าดีมาก แต่พอเคลมจริง มีเงื่อนไขโน่นนี่เยอะแยะ รู้สึกเหมือนโดนหลอก”
การเปรียบเทียบกับบริษัทประกันอื่น
เมื่อเทียบกับบริษัทประกันชั้นนำอื่นๆ กรุงเทพประกันภัยมีจุดเด่นและจุดด้อยดังนี้:
- ด้านราคา: เบี้ยประกันของกรุงเทพประกันภัยอาจสูงกว่าบางบริษัท แต่หลายคนเห็นว่าคุ้มค่ากับบริการที่ได้รับ
- เครือข่ายอู่ซ่อม: มีเครือข่ายกว้างขวางไม่แพ้บริษัทใหญ่อย่างวิริยะประกันภัย
- การบริการ: ได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงในด้านการบริการลูกค้า แต่อาจมีปัญหาในการติดต่อบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน
- นวัตกรรม: บริการ Smart Claim ถือว่าทันสมัย แต่บางบริษัทคู่แข่งก็มีบริการคล้ายกัน
- ความน่าเชื่อถือ: ได้รับการยอมรับในด้านความมั่นคงทางการเงิน แต่บางครั้งอาจมีข้อโต้แย้งในเรื่องเงื่อนไขการเคลม
คำแนะนำในการเคลมประกัน
- ศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์ให้ละเอียด: ควรทำความเข้าใจเงื่อนไขการคุ้มครอง ข้อยกเว้น และค่า Excess ก่อนทำประกัน
- เก็บหลักฐานอย่างครบถ้วน: ถ่ายรูปความเสียหาย เก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ และบันทึกรายละเอียดเหตุการณ์
- แจ้งเคลมทันที: ไม่ควรรอนานเกินไป เพราะอาจทำให้เสียสิทธิในการเคลม
- ใช้บริการ Smart Claim: สำหรับความเสียหายเล็กน้อย เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
- ติดตามสถานะการเคลมอย่างสม่ำเสมอ: หากล่าช้าเกินกำหนด ควรติดต่อสอบถามบริษัท
- พิจารณาความคุ้มค่าก่อนเคลม: สำหรับความเสียหายเล็กน้อย อาจพิจารณาซ่อมเองเพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี
- เตรียมช่องทางติดต่อสำรอง: ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อผ่านช่องทางหลักได้
- หากไม่พอใจ สามารถร้องเรียนได้: ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัท หรือร้องเรียนไปยัง คปภ. ได้
สรุป
การเคลมประกันกับกรุงเทพประกันภัยมีทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณา โดยรวมแล้วบริษัทได้รับการยอมรับในด้านความน่าเชื่อถือและคุณภาพการบริการ แม้จะมีความท้าทายในบางด้าน เช่น การติดต่อในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือเงื่อนไขการเคลมที่อาจซับซ้อน แต่ด้วยบริการ Smart Claim และเครือข่ายอู่ซ่อมที่กว้างขวาง ทำให้กรุงเทพประกันภัยยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและบริการที่มีคุณภาพ
ผู้เอาประกันควรศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด เตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนการเคลม และใช้บริการต่างๆ ที่บริษัทจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสม การเข้าใจกระบวนการและเงื่อนไขต่างๆ จะช่วยให้การเคลมประกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Q: การเคลมประกันจะส่งผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปหรือไม่? A: ใช่ การเคลมประกัน โดยเฉพาะกรณีที่เป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี อาจส่งผลให้เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น อัตราการเพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายและจำนวนครั้งที่เคลม
- Q: กรณีรถหาย ต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้รับค่าสินไหมทดแทน? A: สำหรับกรณีรถหาย กรุงเทพประกันภัยกำหนดระยะเวลาในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วันทำการ หลังจากได้รับเอกสารครบถ้วนและผ่านการพิจารณาแล้ว
- Q: บริการ Smart Claim ใช้ได้กับทุกกรณีหรือไม่? A: ไม่ใช่ บริการ Smart Claim เหมาะสำหรับกรณีเคลมแห้ง (ไม่มีคู่กรณี) และความเสียหายไม่เกิน 6 รายการ สำหรับกรณีที่มีคู่กรณีหรือความเสียหายรุนแรง ยังคงต้องใช้วิธีการแจ้งเคลมแบบปกติ
- Q: หากไม่พอใจผลการพิจารณาเคลม สามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่? A: ได้ หากไม่พอใจผลการพิจารณา สามารถยื่นอุทธรณ์ไปยังฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนของบริษัทได้ หากยังไม่ได้รับการแก้ไขที่พอใจ สามารถร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ. ได้
- Q: มีบริการรถยนต์สำรองให้ใช้ระหว่างซ่อมทุกกรณีหรือไม่? A: ไม่ใช่ทุกกรณี บริการรถยนต์สำรองมักจะมีให้ในกรณีที่ต้องซ่อมนานเกิน 3 วัน และต้องระบุความคุ้มครองนี้ในกรมธรรม์ ควรตรวจสอบเงื่อนไขในกรมธรรม์ของท่าน
- Q: การรับประกันคุณภาพงานซ่อม 12 เดือน ครอบคลุมอะไรบ้าง? A: การรับประกันคุณภาพงานซ่อม 12 เดือน ครอบคลุมงานซ่อมสีและตัวถัง หากพบปัญหาที่เกิดจากการซ่อมภายในระยะเวลารับประกัน สามารถนำรถกลับมาซ่อมซ้ำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- Q: การแจ้งเคลมมีกำหนดเวลาหรือไม่? A: ควรแจ้งเคลมทันทีหลังเกิดเหตุ หรืออย่างช้าไม่ควรเกิน 15 วันก่อนกรมธรรม์สิ้นสุดความคุ้มครอง การแจ้งล่าช้าอาจส่งผลต่อการพิจารณาสินไหมได้
- Q: กรณีเกิดอุบัติเหตุนอกเวลาทำการ สามารถติดต่อใครได้บ้าง? A: กรุงเทพประกันภัยมีบริการสายด่วนแจ้งอุบัติเหตุ 1620 ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการ Smart Claim ผ่านแอพพลิเคชันหรือเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา
- Q: การเคลมกรณีภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม มีเงื่อนไขพิเศษหรือไม่? A: การเคลมกรณีภัยธรรมชาติมักจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองพิเศษ ควรตรวจสอบกรมธรรม์ว่ามีความคุ้มครองนี้หรือไม่ และอาจมีการกำหนดวงเงินความคุ้มครองเฉพาะสำหรับกรณีนี้
- Q: หากต้องการเปลี่ยนอู่ซ่อมระหว่างกระบวนการเคลม สามารถทำได้หรือไม่? A: โดยทั่วไปสามารถทำได้ แต่ต้องแจ้งและได้รับการอนุมัติจากบริษัทก่อน การเปลี่ยนอู่ซ่อมโดยพลการอาจส่งผลต่อการพิจารณาสินไหมและการรับประกันคุณภาพงานซ่อม
การเข้าใจขั้นตอนและเงื่อนไขการเคลมประกันอย่างละเอียดจะช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถใช้ประโยชน์จากความคุ้มครองได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน การเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือและบริการที่ดีอย่างกรุงเทพประกันภัย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันควรพิจารณาความต้องการและงบประมาณของตนเอง ควบคู่ไปกับการศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบบริการของบริษัทประกันต่างๆ ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกัน เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด