การยกเลิกประกันเป็นเรื่องที่ผู้เอาประกันหลายคนอาจต้องเผชิญ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนการยกเลิกประกันโตเกียวมารีน พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานใน Pantip
ขั้นตอนการยกเลิกประกันโตเกียวมารีน
- ติดต่อบริษัทประกัน: โทรศัพท์ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของโตเกียวมารีนที่หมายเลข 02-257-8000 เพื่อแจ้งความประสงค์ในการยกเลิกประกัน
- กรอกแบบฟอร์ม: กรอกแบบฟอร์ม “ใบคำร้องขอดำเนินการเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน” โดยเลือกหัวข้อ “การเวนคืนกรมธรรม์ (Surrender)”
- แนบเอกสารประกอบ: เตรียมเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีขอรับเงินคืนผ่านการโอน)
- ส่งเอกสาร: ส่งแบบฟอร์มพร้อมเอกสารประกอบไปยังบริษัท โดยสามารถส่งทางไปรษณีย์หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานของบริษัท
- รอการพิจารณา: บริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำร้องและแจ้งผลกลับมาภายใน 15 วันทำการ
- รับเงินคืน (ถ้ามี): หากมีเงินคืนจากการเวนคืนกรมธรรม์ บริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีหรือส่งเช็คทางไปรษณีย์ตามที่ระบุในแบบฟอร์ม
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการยกเลิกประกันโตเกียวมารีน
- การเวนคืนกรมธรรม์: การยกเลิกประกันโดยการเวนคืนกรมธรรม์หมายถึงการหยุดจ่ายเบี้ย ยกเลิกความคุ้มครองทั้งหมด และปิดกรมธรรม์
- มูลค่าเวนคืนเงินสด: จำนวนเงินที่จะได้รับคืนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ทำประกันและจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้ว โดยทั่วไปมักจะน้อยกว่าจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด
- ผลกระทบต่อความคุ้มครอง: การยกเลิกประกันจะทำให้สิ้นสุดความคุ้มครองทั้งหมด รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เคยได้รับ
- ภาษี: ในกรณีที่เป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี การยกเลิกก่อนครบกำหนดอาจมีผลทำให้ต้องคืนภาษีที่เคยได้รับการลดหย่อนไป
- ระยะเวลาพิจารณา: บริษัทจะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการในการพิจารณาคำร้องและดำเนินการเวนคืนกรมธรรม์
ประสบการณ์จากผู้ใช้งานใน Pantip
จากการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซต์ Pantip พบว่ามีผู้ใช้งานหลายคนแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการยกเลิกประกันโตเกียวมารีน ซึ่งมีทั้งกรณีที่เป็นการยกเลิกโดยผู้เอาประกันเองและกรณีที่บริษัทแจ้งยกเลิกความคุ้มครอง ดังนี้
- กรณีบริษัทแจ้งยกเลิกความคุ้มครอง:
- ผู้ใช้งานรายหนึ่งเล่าว่าทำประกันสุขภาพให้ลูกมา 5 ปี จ่ายเบี้ยรวมไปแล้วประมาณ 200,000 บาท โดยไม่เคยเคลม แต่พอปีที่ 5 มีการเคลมครั้งแรกประมาณ 50,000 บาท ทางบริษัทก็แจ้งยกเลิกสัญญาประกันสุขภาพ ไม่ให้ต่อในปีถัดไป
- อีกรายเล่าว่าทำประกันให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด ต่อมาเมื่อลูกอายุ 3 ขวบ ทางบริษัทส่งจดหมายมาแจ้งยกเลิกสัญญา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
- ความรู้สึกของผู้เอาประกัน:
- หลายคนรู้สึกผิดหวังและเสียความเชื่อมั่นในบริษัทประกัน
- บางคนรู้สึกว่าถูกหลอกให้ทำประกัน เพราะเมื่อมีการเคลมจริง กลับถูกยกเลิกสัญญา
- มีความกังวลเรื่องการหาประกันใหม่ โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่มีประวัติโรคประจำตัว
- ข้อสังเกตจากผู้ใช้งาน:
- ประกันสุขภาพแบบเก่า (ก่อน 8 พ.ย. 2564) บริษัทสามารถใช้สิทธิ์ไม่ต่อสัญญาได้
- ประกันสุขภาพแบบใหม่ (หลัง 8 พ.ย. 2564) บริษัทไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่อาจมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกัน
- คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์:
- ควรศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำประกัน
- พิจารณาทำประกันกับบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ยาวนาน
- เปรียบเทียบเงื่อนไขและความคุ้มครองกับบริษัทอื่นๆ ก่อนตัดสินใจ
- บางคนแนะนำให้เก็บเงินไว้รักษาตัวเองแทนการทำประกัน เนื่องจากรู้สึกว่าบริษัทประกันมุ่งหวังแต่กำไรมากกว่าการช่วยเหลือลูกค้า
ข้อควรพิจารณาก่อนยกเลิกประกัน
- ตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์: ศึกษาเงื่อนไขการยกเลิกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- พิจารณาความคุ้มครองที่เหลืออยู่: หากเป็นประกันแบบควบการลงทุน อาจยังมีมูลค่าเงินลงทุนที่สามารถถอนออกมาได้บางส่วน
- ประเมินความจำเป็นในการมีประกัน: พิจารณาว่ายังมีความจำเป็นต้องมีความคุ้มครองหรือไม่
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: อาจขอคำปรึกษาจากตัวแทนประกันหรือที่ปรึกษาทางการเงินก่อนตัดสินใจ
- เปรียบเทียบทางเลือกอื่น: พิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นนอกจากการยกเลิกหรือไม่ เช่น การปรับลดความคุ้มครอง หรือการเปลี่ยนแผนประกัน
สรุป
การยกเลิกประกันโตเกียวมารีนสามารถทำได้โดยติดต่อบริษัทโดยตรงและกรอกแบบฟอร์มการเวนคืนกรมธรรม์ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานใน Pantip พบว่ามีทั้งกรณีที่ผู้เอาประกันต้องการยกเลิกเอง และกรณีที่บริษัทแจ้งยกเลิกความคุ้มครอง โดยเฉพาะในกรณีของประกันสุขภาพ
ผู้เอาประกันควรศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด และพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจยกเลิกประกัน นอกจากนี้ ควรเปรียบเทียบเงื่อนไขและความคุ้มครองกับบริษัทอื่นๆ ก่อนตัดสินใจทำประกันใหม่ หรือพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การปรับลดความคุ้มครองแทนการยกเลิกทั้งหมด
สุดท้ายนี้ การตัดสินใจเกี่ยวกับการทำหรือยกเลิกประกันควรพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเงินและความจำเป็นในการมีความคุ้มครองของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ