การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผู้ประสบเหตุที่เป็นฝ่ายถูกย่อมได้รับความเดือดร้อนจากการที่ต้องนำรถเข้าซ่อม และไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม ดังนั้น การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือเงินชดเชยการเดินทางจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี จึงเป็นสิทธิที่ผู้เสียหายพึงได้รับ
บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้เอาประกันภัยและผู้เสียหาย รวมถึงการจ่ายเงินชดเชยการเดินทางหรือค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ในกรณีที่ผู้เสียหายต้องนำรถเข้าซ่อมจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
เงินชดเชยการเดินทาง ธนชาต จ่ายเท่าไหร่?
ธนชาตประกันภัยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยการเดินทาง หรือค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ดังนี้
- จำนวนวันที่จ่าย: โดยทั่วไปจะจ่ายตามจำนวนวันที่รถเข้าซ่อมจริง แต่ไม่เกิน 15 วัน
- อัตราการจ่ายต่อวัน: ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของรถยนต์ โดยมีอัตราดังนี้
- รถเก๋ง: 500-1,000 บาทต่อวัน
- รถกระบะ: 700-1,200 บาทต่อวัน
- รถตู้: 1,000-1,500 บาทต่อวัน
- รถบรรทุก: 1,500-2,500 บาทต่อวัน
- เงื่อนไขเพิ่มเติม:
- กรณีรถยนต์เสียหายทั้งคัน (Total Loss) จะจ่ายค่าขาดประโยชน์สูงสุดไม่เกิน 30 วัน
- กรณีรถจักรยานยนต์ จะจ่ายในอัตรา 200-300 บาทต่อวัน ไม่เกิน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินและระยะเวลาที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย โดยจะพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ระยะเวลาในการซ่อม และความจำเป็นในการใช้รถของผู้เสียหาย
ขั้นตอนการเบิกเงินค่าขาดประโยชน์การใช้รถ จากธนชาตประกันภัย
- แจ้งเหตุและเปิดเคลม เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ให้แจ้งเหตุทันทีที่สายด่วนธนชาตประกันภัย 1519 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและออกเอกสารรับรองความเสียหาย
- นำรถเข้าซ่อม นำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการ โดยแจ้งให้ทางอู่ทราบว่าจะเบิกค่าขาดประโยชน์ เพื่อให้ทางอู่ออกเอกสารรับรองระยะเวลาการซ่อมให้
- รวบรวมเอกสาร เตรียมเอกสารสำหรับการเบิกค่าขาดประโยชน์ ประกอบด้วย:
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย
- สำเนาทะเบียนรถยนต์
- สำเนาใบขับขี่
- เอกสารรับรองความเสียหายจากบริษัทประกันภัย
- ใบรับรองระยะเวลาการซ่อมจากอู่หรือศูนย์บริการ
- ใบเสร็จค่าเดินทางระหว่างซ่อมรถ (ถ้ามี)
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินค่าสินไหม
- ยื่นเรื่องขอเบิก ส่งเอกสารทั้งหมดไปยังบริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยสามารถส่งได้ทางไปรษณีย์ หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาของธนชาตประกันภัย
- ติดตามผล หลังจากยื่นเรื่องแล้ว ให้ติดตามผลการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ธนชาตประกันภัย โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการในการพิจารณาและอนุมัติจ่ายเงิน
- รับเงินค่าสินไหม เมื่อได้รับการอนุมัติ ทางบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ท่านแจ้งไว้ โดยจะมี SMS แจ้งเตือนเมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว
ข้อควรระวังในการเบิกค่าขาดประโยชน์การใช้รถ
- ระยะเวลาในการยื่นเรื่อง: ควรยื่นเรื่องขอเบิกค่าขาดประโยชน์โดยเร็วที่สุด หลังจากรับรถคืนจากอู่ซ่อม เนื่องจากบางบริษัทประกันภัยอาจมีข้อจำกัดด้านเวลาในการรับเรื่อง
- ความซ้ำซ้อนของการเบิก: หากท่านได้รับค่าเช่ารถระหว่างซ่อมจากบริษัทประกันภัยแล้ว อาจไม่สามารถเบิกค่าขาดประโยชน์เพิ่มเติมได้ เนื่องจากถือว่าได้รับการชดเชยไปแล้ว
- ความสมเหตุสมผลของค่าใช้จ่าย: ในกรณีที่เบิกค่าเดินทางจริง ต้องแน่ใจว่าค่าใช้จ่ายมีความสมเหตุสมผลและมีหลักฐานประกอบครบถ้วน เช่น ใบเสร็จค่าแท็กซี่ หรือค่าเช่ารถ
- การตรวจสอบเอกสาร: ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารก่อนยื่นเรื่อง เพื่อป้องกันความล่าช้าในการพิจารณา
- การติดตามเรื่อง: หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด ควรติดต่อสอบถามความคืบหน้ากับทางบริษัทประกันภัย
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเบิกค่าขาดประโยชน์การใช้รถ
- เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน: นอกจากเอกสารหลักที่ต้องใช้ในการเบิก ควรเก็บหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย เช่น ภาพถ่ายความเสียหายของรถ บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ (ถ้ามี) เพื่อประกอบการพิจารณาหากมีข้อสงสัย
- ประเมินความเสียหายและระยะเวลาซ่อมอย่างสมเหตุสมผล: หากรู้สึกว่าทางอู่หรือศูนย์บริการประเมินระยะเวลาซ่อมนานเกินไป ควรสอบถามเหตุผลและขอคำอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าการเบิกค่าขาดประโยชน์มีความสมเหตุสมผล
- พิจารณาทางเลือกในการเดินทาง: ระหว่างที่รถเข้าซ่อม ควรเลือกวิธีการเดินทางที่ประหยัดและเหมาะสมที่สุด เช่น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือการเช่ารถในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยให้การเบิกค่าขาดประโยชน์มีโอกาสได้รับการอนุมัติมากขึ้น
- สื่อสารกับเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ: ควรติดต่อสอบถามความคืบหน้าของการเบิกค่าขาดประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ธนชาตประกันภัยเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องไม่ตกหล่นและได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
- เข้าใจสิทธิของตนเอง: ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจ เพื่อให้ทราบถึงสิทธิที่พึงได้รับและสามารถเรียกร้องได้อย่างถูกต้อง
- พิจารณาการใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญ: ในกรณีที่เป็นความเสียหายรุนแรงหรือมีมูลค่าสูง อาจพิจารณาใช้บริการของทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เพื่อช่วยในการเจรจาและดำเนินการเบิกค่าขาดประโยชน์
- รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทประกันภัย: แม้จะเกิดความไม่พอใจในบางครั้ง แต่การรักษาท่าทีที่สุภาพและเป็นมืออาชีพจะช่วยให้การเจรจาและการเรียกร้องค่าสินไหมเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
กรณีศึกษา: การเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัย
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เรามาดูกรณีศึกษาการเบิกค่าขาดประโยชน์จากธนชาตประกันภัยกัน
กรณีที่ 1: รถเก๋งเสียหายเล็กน้อย
คุณ A ขับรถเก๋งไปทำงานและถูกรถคู่กรณีชนท้าย ทำให้กันชนหลังเสียหาย ต้องนำรถเข้าซ่อมเป็นเวลา 5 วัน
- ระยะเวลาซ่อม: 5 วัน
- อัตราชดเชย: 500 บาทต่อวัน
- เงินชดเชยที่ได้รับ: 5 x 500 = 2,500 บาท
ในกรณีนี้ คุณ A ได้รับเงินชดเชยตามจำนวนวันที่ซ่อมจริง เนื่องจากอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่เกิน 15 วัน
กรณีที่ 2: รถกระบะเสียหายปานกลาง
คุณ B ใช้รถกระบะในการขนส่งสินค้า เกิดอุบัติเหตุทำให้ด้านข้างรถเสียหาย ต้องซ่อมนาน 12 วัน
- ระยะเวลาซ่อม: 12 วัน
- อัตราชดเชย: 1,000 บาทต่อวัน (เนื่องจากใช้ในเชิงพาณิชย์)
- เงินชดเชยที่ได้รับ: 12 x 1,000 = 12,000 บาท
คุณ B ได้รับเงินชดเชยเต็มจำนวนตามวันที่ซ่อมจริง เนื่องจากไม่เกิน 15 วัน และมีหลักฐานการใช้รถเพื่อการพาณิชย์
กรณีที่ 3: รถตู้เสียหายหนัก
คุณ C มีรถตู้ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว เกิดอุบัติเหตุรุนแรงทำให้ต้องซ่อมนาน 25 วัน
- ระยะเวลาซ่อม: 25 วัน
- อัตราชดเชย: 1,500 บาทต่อวัน
- เงินชดเชยที่ได้รับ: 15 x 1,500 = 22,500 บาท
แม้ว่ารถจะซ่อมนาน 25 วัน แต่ธนชาตประกันภัยจ่ายค่าชดเชยสูงสุดเพียง 15 วันตามเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม คุณ C อาจเจรจาขอเพิ่มวันชดเชยได้หากมีเหตุผลจำเป็น
ปัญหาที่อาจพบในการเบิกค่าขาดประโยชน์และวิธีแก้ไข
- การประเมินระยะเวลาซ่อมไม่ตรงกับความเป็นจริง
- ปัญหา: อู่ซ่อมรถประเมินระยะเวลาซ่อมนานเกินจริง ทำให้บริษัทประกันไม่อนุมัติจ่ายเต็มจำนวน
- วิธีแก้ไข: ขอให้อู่ชี้แจงรายละเอียดการซ่อมและเหตุผลที่ต้องใช้เวลานาน พร้อมทั้งเก็บหลักฐานภาพถ่ายความคืบหน้าการซ่อมเป็นระยะ
- เอกสารไม่ครบถ้วน
- ปัญหา: บริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากเอกสารไม่ครบ
- วิธีแก้ไข: ตรวจสอบรายการเอกสารที่ต้องใช้อย่างละเอียดก่อนยื่นเรื่อง และสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่าไม่มีเอกสารใดตกหล่น
- การเบิกซ้ำซ้อน
- ปัญหา: ผู้เสียหายพยายามเบิกทั้งค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์
- วิธีแก้ไข: เลือกเบิกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยพิจารณาว่าวิธีใดให้ผลประโยชน์มากกว่า
- การติดตามเรื่องล่าช้า
- ปัญหา: ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัทประกันภายในระยะเวลาที่กำหนด
- วิธีแก้ไข: ติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกวันเวลาและชื่อเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อทุกครั้ง
- การจ่ายเงินชดเชยต่ำกว่าที่คาดหวัง
- ปัญหา: ได้รับเงินชดเชยน้อยกว่าที่คำนวณไว้
- วิธีแก้ไข: สอบถามเหตุผลในการประเมิน และหากไม่เห็นด้วย ให้ยื่นอุทธรณ์พร้อมหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงถึงความจำเป็นในการใช้รถและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
สิทธิประโยชน์อื่นๆ นอกเหนือจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถ
นอกจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถแล้ว ผู้เอาประกันภัยกับธนชาตประกันภัยยังอาจได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่:
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง
- บริการจัดส่งช่างซ่อมรถฉุกเฉิน
- บริการรถลากจูงฉุกเฉิน
- บริการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงฉุกเฉิน
- บริการรถใช้ระหว่างซ่อม ในบางกรณี ธนชาตประกันภัยอาจจัดรถยนต์ทดแทนให้ใช้ระหว่างที่รถของผู้เอาประกันเข้าซ่อม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์
- บริการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ในกรณีที่เกิดข้อพิพาททางกฎหมายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
- บริการแจ้งเตือนต่ออายุกรมธรรม์ เพื่อให้ความคุ้มครองต่อเนื่องไม่ขาดช่วง
- ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประวัติดี หากไม่มีการเคลมประกันในปีที่ผ่านมา
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการทำประกันภัยกับธนชาต
- ความครอบคลุมของกรมธรรม์ นอกจากค่าขาดประโยชน์การใช้รถแล้ว ควรพิจารณาความคุ้มครองด้านอื่นๆ ด้วย เช่น วงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- ความสะดวกในการเคลม ธนชาตมีศูนย์บริการรับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง และมีเครือข่ายอู่ซ่อมรถที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
- ความมั่นคงทางการเงิน ธนชาตเป็นบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ตามที่ระบุในกรมธรรม์
- บริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับลูกค้า
- ความยืดหยุ่นของแผนประกัน ธนชาตมีแผนประกันหลากหลายให้เลือก สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคลได้
เทคนิคการเจรจาเพื่อให้ได้ค่าขาดประโยชน์สูงสุด
- เตรียมข้อมูลให้พร้อม รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายความเสียหาย ใบเสร็จค่าเดินทาง และเอกสารยืนยันความจำเป็นในการใช้รถ
- คำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ทำบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีรถใช้ รวมถึงค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ (ถ้ามี)
- ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ อธิบายสถานการณ์และความจำเป็นของคุณอย่างชัดเจนและสุภาพ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์หรือการข่มขู่
- เข้าใจนโยบายของบริษัทประกัน ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดในกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง
- พิจารณาการต่อรอง หากรู้สึกว่าค่าชดเชยที่ได้รับต่ำเกินไป สามารถเสนอตัวเลขที่คุณคิดว่าเหมาะสมพร้อมเหตุผลประกอบ
- ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมูลค่าสูง อาจพิจารณาใช้บริการของทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องค่าสินไหม
- อย่าด่วนตกลงข้อเสนอแรก บริษัทประกันอาจเสนอจำนวนเงินที่ต่ำกว่าที่ควรได้รับในครั้งแรก ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตอบตกลง
กรณีศึกษา: การเจรจาค่าขาดประโยชน์ที่ประสบความสำเร็จ
คุณ D เป็นเจ้าของธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ใช้รถกระบะในการส่งสินค้าให้ลูกค้า วันหนึ่งรถถูกชนท้ายอย่างรุนแรงต้องเข้าอู่ซ่อมนาน 20 วัน ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก
ขั้นตอนการเจรจา:
- คุณ D รวบรวมหลักฐานทั้งหมด รวมถึงสัญญาส่งของกับลูกค้าที่ต้องยกเลิกเนื่องจากไม่มีรถใช้งาน
- คำนวณค่าเสียหายทั้งหมด รวมค่าเช่ารถทดแทนและรายได้ที่สูญเสียไป
- ยื่นเรื่องเคลมกับธนชาตประกันภัย พร้อมเอกสารทั้งหมด
- เมื่อได้รับข้อเสนอค่าชดเชยเบื้องต้น 15 วัน คุณ D ขอเจรจาเพิ่ม โดยชี้แจงถึงผลกระทบต่อธุรกิจ
- หลังการเจรจา ธนชาตตกลงจ่ายค่าชดเชย 18 วัน และเพิ่มอัตราต่อวันเป็น 1,500 บาท เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นในการใช้รถเพื่อธุรกิจ
ผลลัพธ์: คุณ D ได้รับค่าชดเชยทั้งสิ้น 27,000 บาท (18 วัน x 1,500 บาท) ซึ่งมากกว่าข้อเสนอแรกถึง 12,000 บาท
ข้อควรระวังในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
- อย่าแจ้งข้อมูลเท็จ การให้ข้อมูลเท็จหรือเกินจริงอาจนำไปสู่การถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม หรือแม้แต่การถูกดำเนินคดีได้
- ระวังการละเมิดเงื่อนไขกรมธรรม์ เช่น การนำรถไปซ่อมที่อู่นอกเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
- อย่าลืมแจ้งเหตุภายในระยะเวลาที่กำหนด การแจ้งเหตุล่าช้าอาจทำให้การเรียกร้องค่าสินไหมยุ่งยากขึ้น
- ระมัดระวังในการลงนามในเอกสาร อ่านเอกสารทุกฉบับอย่างละเอียดก่อนลงนาม โดยเฉพาะเอกสารยอมรับค่าสินไหมทดแทน
- อย่าด่วนตกลงกับคู่กรณีโดยไม่ปรึกษาบริษัทประกัน การตกลงกันเองอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันในภายหลัง
สรุป
การเบิกเงินค่าขาดประโยชน์การใช้รถจากธนชาตประกันภัยเป็นสิทธิที่ผู้เอาประกันหรือผู้เสียหายพึงได้รับ เมื่อต้องนำรถเข้าซ่อมจากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด โดยธนชาตมีอัตราการจ่ายที่แข่งขันได้ในตลาด คือ 500-2,500 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ เป็นระยะเวลาสูงสุด 15 วัน
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการเข้าใจสิทธิของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ การพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมูลค่าสูง
ท้ายที่สุด แม้ว่าการเกิดอุบัติเหตุจะเป็นเรื่องที่ไม่พึงประสงค์ แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จะช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินและความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้นได้ การเลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงและมีนโยบายที่เป็นธรรม เช่น ธนชาตประกันภัย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน